3 เรื่องราวจากแบรนด์สายอาร์ตในร้าน FRANK!

ภาพวาดดอกไม้ ทุ่งหญ้า เเละป่าเขาสีสันสดใส
ภาพเเนวอิมเพรสชั่นนิสม์เหล่านี้ถูกถ่ายทอดลงบนสินค้มากมาย
ไม่ว่าจะเป็นสติกเกอร์ เคสมือถือ และเข็มกลัด
ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของ ออย-คนธรัตน์ เตชะไตรศร
นิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ จากรั้วจามจุรี
ต้องขอเล่าย้อนกลับไปถึงความผูกผันในวัยเด็กระหว่างออยเเละศิลปะ
เธอเติบโตมาในครอบครัวที่ซัพพอร์ตเรื่องศิลปะอย่างเต็มที่
พ่อของออยนั้นชอบวาดภาพเป็นงานอดิเรก
เเละเเม่ของออยก็ไม่เคยดุหรือว่าอะไรเลย
ในเวลาที่ผนังบ้านนั้นเลอะไปด้วยดินสอสีอันเป็นฝีมือของออย
เเถมเเม่ของเธอยังคอยซื้อสีมาให้วาดเพิ่มอีกตั้งหาก
นั่นเองจึงเป็นเหมือนรักเเรกพบระหว่างออยเเละศิลปะ

ออยวาดรูปมาเรื่อยๆ จนได้เข้ามาเรียนในสาขานฤมิตศิลป์
คณะศิลปกรรมศาสตร์ หรือเรียกง่ายๆ ว่ากราฟิกดีไซน์
ซึ่งการเรียนในคณะนี้นั้นได้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อศิลปะของเธอไปเลย
พอเริ่มเรียนกราฟิกออยเเทบไม่ได้วาดรูปเลย
เเต่ได้ไปเรียนรู้ศาสตร์อย่างกราฟิก โฆษณา เเอนิเมชั่น
เเละภาพถ่ายเเทน นอกจากศาสตร์เหล่านี้เเล้ว
เธอยังได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ
วิชานี้เองที่ทำให้เธอได้รู้จักกับศิลปะเเนวอิมเพรสชั่นนิมส์
ที่เป็นเหมือนต้นแบบในงานศิลปะของเธอ

เเต่พอเรียนจบออยกลับไม่ได้ใช้เเนวคิดด้านศิลปะที่เธอเรียนมาเลย
เธอผันตัวไปทำงานด้านครีเอทีฟ เเต่งานนั้นกลับไม่ค่อยตอบโจทย์
จนทำให้เธอรู้สึกว่างเปล่าเธอจึงต้องลุกขึ้นมา
สะบัดฝีเเปรงอีกครั้งเพื่อพาออยคนเดิมกลับมา

 

ภาพเเรกๆ ที่ออยเริ่มวาดคือ museum set
ซึ่งได้เเรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือชีวประวัติเเวนโกะห์
ในช่วงเเรกออยเริ่มทำสติ๊กเกอร์ museum set
ขึ้นมาเพราะจะทำมาใช้เอง
เเต่มันดันต้องทำขั้นต่ำสิบกว่าเเผ่น ออยเลยลองเอาสติ๊กเกอร์ที่เหลือ
ไปฝากขายที่ร้าน happening shop
ที่หอศิลปวัฒนธรรมเเห่งกรุงเทพมหานคร
เเต่ผลตอบรับกลับดีเกินคาด มีคนมาถามตลอดว่า
นอกจากสติ๊กเกอร์เเล้วมีงานอื่นๆอีกไหม? ในตอนนั้นเอง
ออยจึงตัดสินใจทำเเบรนด์ Give.me.museum ขึ้นมา

พอเเบรนด์เริ่มโตขึ้น มีรายได้ที่มากขึ้น
ออยเลยตัดสินใจลาออกเเล้วมาตั้งใจทำเเบรนด์
Give.me.museum เต็มตัว
ซึ่งคำว่า Give me museum นั้นมาจากคำพูดของ ปาโบล ปิกาโซ
ศิลปินคนโปรดของออย ซึ่งเธออยากให้ Give.me.museum นั้น
เป็นเหมือนพื้นที่ศิลปะที่สามารถส่งต่อ
ความคิดสร้างสรรค์ออกไปได้อย่างไม่รู้จบ
จากการขีดๆ เขียนๆ กำเเพงบ้านในวันนั้น จนวันนี้ Give.me.museum
กลายเป็นอีกหนึ่งเเบรนด์ที่คอยขับ เคลื่อนวงการศิลปะไทย

 

Ease Around
'เเบรนด์ที่ถ่ายทอดชีวิตประจำวัน ลงไปในลายเส้น'

Ease Around เเบรนด์โปรดักต์ของใช้ในชีวิตประจำวัน
ที่มีลายเส้นน้อยๆเเต่น่ารักเป็นจุดขาย
เเบรนด์ก่อตั้งโดยป้อ-ชัยวัฒน์ อุทัยกรณ์
และ ตาล-วริษฐา จงสวัสดิ์ สองหนุ่มสาวผู้หลงใหล
ในการวาดภาพเเละงานดีไซน์ย้อนกลับไป
ในปี 2017 ที่ทั้งคู่เริ่มทำเเบรนด์
ด้วยความที่ทั้งสองอยากทำสินค้าที่ตอบโจทย์ชีวิตของคนวัยทำงาน
สินค้าชิ้นเเรกเลยออกมาเป็นปฎิทินผ้าปี 2018
ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก
จนขายหมดเกลี้ยงเเละเเบรนด์ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น

เเต่จุดเปลี่ยนจริงๆ ของเเบรนด์นั้นมาจากโปสการ์ด Love Still
ที่ทั้งคู่ตั้งใจปล่อยออกมาในช่วงวาเลนไทน์ โดยมีคอนเซปต์เป็นหนังรัก
ที่จบไม่เเฮปปี้เอนดิ้งหลังจากออกโปสการ์ดเซ็ทนี้ไป
มีคนเห็นเเละคนเเชร์ในโลกออนไลน์เยอะมาก
จนชื่อเเบรนด์ ease around เริ่มติดหู
เเละมียอดผู้ติดตามที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด

อีกหนึ่งโปสการ์ดเซตที่ขายดีมากๆ เเละเป็นจุดเริ่มต้น
ให้ทั้งคู่ได้สร้างคาเเรกเตอร์ในแบบของตัวเองขึ้นมา
นั่นคือ dear summer, I miss you
สติกเกอร์และโปสการ์ดเซตรูปหญิงสาวผมสั้น
สวมชุดว่ายน้ำทำท่านั่นนี่ ด้วยลายเส้นสุดน่ารัก
บวกกับความซนของคาเเรกเตอร์
เเละความครีเอทีฟที่ผู้ใช้สามารถนำไปสร้างสรรค์ในแบบของตัวเองได้
สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้ความเป็น ease around ชัดขึ้น

 

ถ้าใครที่เป็นเเฟนคลับของเเบรนด์จะรู้ดีว่า
สินค้าจาก ease around นั้นมักจะมี
กิมมิกน่ารักๆมาเล่นกับลูกค้าอยู่เสมอ
ยกตัวอย่างเช่น โปสการ์ดใส ‘Love Senses’ ที่สามารถฉายบนผนัง
สร้างบรรยากาศในห้องได้ไอเดียง่ายๆ
ที่เกิดจากความชอบดูหนังของทั้งคู่
เมื่อทั้งคู่นึกถึงหนังก็เลยนึกถึงฟิลม์สไลด์ฉายหนังขึ้นมา
ทั้งคู่เลยนำคอนเซ็ปต์นี้มาปรับใช้กับโปสการ์ด จนได้ออกมา
เป็นโปสการ์ดใสตามซีนต่างๆ ภายในหนัง
ที่ให้อารมณ์เหมือนราวกับว่าเรากำลังฉายโปรเจกเตอร์
ดูหนังกลางคืนในห้องนอนเล็กๆ อยู่

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ อย่างปฎิทินผ้า
เเต่ตอนนี้ ease around ได้กลายเป็น
สินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีประโยชน์เเละตอบโจทย์ชีวิตของผู้คนไปเเล้ว

Chana Pottery
'เเบรนด์นักปั้น ที่ตกหลุมรักการปั้นตั้งเเต่เเรกเห็น'

Chana Pottery เป็นเเบรนด์เครื่องปั้นเซรามิกส์
ที่อยากถ่ายทอดศิลปะผ่านงานปั้นเหนือจินตนาการ
เเบรนด์ก่อตั้งโดย คุณชนะ-เเสนสนั่นชัย เเละ คุณเน็ท-ธิติพรหม
ทั้งคู่จบการศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร
ด้วยความชอบงานปั้นเเละเพ้นท์
ทั้งคู่เลยตัดสินใจลงเรียน workshop ปั้นดินเซรามิกส์ดู
ทั้งคู่เรียนกันเเค่ 1 วัน เเต่ช่วงเวลาสั้นๆนั้นกลับมีความหมาย
ชนะตกหลุมรักเข้ากับงานปั้นอย่างจังต่อมาชนะเลยเริ่มซื้อ
เซรามิกส์มาลองปั้นเองเเละคอยหาความรู้เพิ่มเติม
จากรุ่นพี่รุ่นน้องในกลุ่มเซรามิกส์ด้วยกันอยู่เสมอ

งานเเรกที่เเบรนด์ Chana Pottery ได้ออกไปวางขายก็คือ
งานวันศิลป์ พีระศรี ที่ทางมหาวิทยาลัยศิลปากรจัดขึ้นทุกปี
เเต่สินค้ากลับขายไม่ได้เลย จนทั้งคู่เริ่มโปรโมทสินค้า
ผ่านช่องทาง Instagram เเละก็มีคนติดตามมากขึ้น
ร้านต่างๆ เริ่มเข้ามาติดต่ออยากให้นำสินค้าไปวางขาย
ทั้งสองจึงเริ่มพัฒนาสินค้าอย่างจริงจังมากขึ้น

ส่วนชื่อแบรนด์ Chana.pottery.studio นั้น
มาจากชื่อของคุณชนะ เพราะตนเองเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์
แต่คุณเน็ทอยากให้ชื่อมีความนุ่มนวลมากขึ้น
เลยเปลี่ยนจาก ชนะ เป็น ชนา แต่ในภาษาอังกฤษ
ก็เขียนเหมือนเดิมเเละเติมคำว่า Pottery
เพื่อบอกจุดยืนของเราว่าเราจะโฟกัสที่เครื่องปั้นดินเผาเป็นหลัก

ส่วนใหญ่สินค้าของ Chana.pottery.studio
จะไม่เน้นการใช้งานเเต่จะเน้นเรื่องอารมณ์
เเละคุณค่าทางด้านจิตใจมากกว่า
ในตอนนี้ความฝันของทั้งคุณชนะเเละคุณเน็ทนั้น
อยากพัฒนาเเบรนด์ให้เติบโตมากขึ้นจากสตูดิโอเล็กๆ
ในตอนนี้อยากขยายให้เป็นระดับโรงงาน
ที่สามารถผลิตสินค้าน่ารักๆ ส่งออกไปทั่วโลกได้

 

เป็นยังไงกันบ้างกับประวัติ 3 เเบรนด์ 3 สไตล์
ที่เราหยิบมาเล่าในวันนี้ ไม่ง่ายเลยใช่ไหมล่ะ
กว่าที่จะทำเเบรนด์ให้ประสบความสำเร็จได้
ถึงเเต่ละเเบรนด์จะมีเส้นทางที่เเตกต่างกัน
เเต่สิ่งที่ทุกเเบรนด์นั้นมีเหมือนกันก็คือ การเริ่มต้นจากความชอบ
เเละส่งต่อความสุขผ่านสินค้าให้กับผู้อื่น
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจสินค้าของทั้ง 3 เเบรนด์
สามารถไปเลือกช้อปกันได้ที่ https://frank-garcon.com/

LINK : FRANK! WITH GIVE.ME.MUSEUMS CLICK!
LINK : FRANK! WITH EASE AROUND CLICK!
LINK : FRANK! WITH CHANA POTTERY CLICK!